และแล้ว..ก็ผ่านไปได้ด้วยดีกับกิจกรรมของหอพัก ที่มีทั้งร้องทั้งเต้น อีกทั้งยังมีการแข่งกีฬาภายในหอกันอีกด้วย จนมาถึงกิจกรรมใหญ่ขึ้นมาหน่อยนั่นก็คือกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำให้น้องใหม่เฟรชชี่ ผ่อนคลายความรู้สึกที่คิดถึงบ้าน และยังเป็นกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่สู่รั้วปีบทองอีกด้วย ที่เรียกว่าปีบทองก็เพราะ มทส มีดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยคือดอกปีบทอง หรือว่า กาสะลองคำนั่นเอง

     วันนี้เป็นวันแรกของการเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องที่องค์การนักศึกษาเป็นผู้จัด ต้าร์และบรรดาเพื่อน ๆ จากหอพัก พากันมาร่วมกิจกรรมใต้หอพักของสาว ๆ ซึ่งวันนี้หนุ่ม ๆ อาจจะคึกคักกันหน่อย เพราะได้เห็นสาว ๆ ที่น่ารัก ๆ หลายคน ปีนี้มีกลุ่มสัมพันธ์กว่า 11 กลุ่ม และแต่ละกลุ่มก็มีน้อง ๆ เกือบ 200 ชีวิต พี่ ๆ จากสาขาวิชาต่าง ๆ พร้อมใจกันมาต้อนรับน้อง ๆ และพาไปทำกิจกรรมสันทนาการ ก่อนที่จะพาแยกไปทำกิจกรรมใต้หอพัก คณะทำงานจะรวมน้อง ๆ ที่มาจากหอพักต่าง ๆ ทั้ง 14 หอ มารวมกันบริเวณ ลานอเนกประสงค์ที่หอพักสุรนิเวศ 5-6 หรือ ที่ชาว มทส เรียกกันติดปากว่า S (เอส) 5-6 เพื่อแจ้งกิจกรรมและทีมงานของแต่ละกลุ่ม

      ทันทีที่ต้าร์กับเพื่อนเดินมาถึงบริเวนลานฯ ต้าร์ก็เหลือบไปเห็นผู้ชาย 2 คน สวมชุดสีขาวเหมือนหมอ หรือชุดกาวน์ ยืนถือโทรโข่งแหกปากเสียงดังอยู่หน้าแถว ดูคุ้นหน้ามาก

      ‘เอ๊ะ! นั่นใช่พี่คนที่พูดวันที่เรามาแนะแนวหรือเปล่านะ ’


      ต้าร์คิดในใจ พลางจ้องมองอีกที

      ‘ใช่จริง ๆ ด้วย พี่ท็อปนี่นา งานนี้ฮาแน่นอน’

      ต้าร์คิดในใจพลางตื่นเต้นกับกิจกรรมที่จะได้เจอในวันนี้ พร้อมกับรู้มาอีกว่า คู่หูพี่ท็อปที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยนั่นก็คือ พี่ดี้ คณะทำงานที่ฝีปากจัดจ้านใช่ย่อย ด้วยเป็นคนที่มีบุคลิกร่าเริง (กว่าปกติ) จึงทำให้น้อง ๆ สนุกกับกิจกรรมนี้กันอย่างง่ายดาย

      ต้าร์ได้พบเพื่อนใหม่อีกหลายคนในกลุ่มของผู้หญิงหนึ่งในนั้นคือรุ้ง หญิงสาวหน้าตาดี ดูผ่าน ๆ ก้อน่ารักดี แต่ค่อนข้างติ๊งต๊อง

      'นี่ล่ะ ผู้หญิงที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเรา'

      ต้าร์คิดในใจ พลางชวนเพื่อน ๆ เข้าไปทำความรู้จัก จนทำให้ทั้งกลุ่มสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว ต้าร์สนุกกับกลุ่มของเพื่อน ๆ มาก ไม่ว่าจะร้อง เล่น เต้น รำ ที่รุ่นพี่ต่างเอามาประเคนให้ จนอิ่มกายและอิ่มใจกันทั่วหน้าต้าร์พูดกับรุ้งว่า

     "นี่รุ้ง..ปีหน้า เราไปทำงานรับน้องแบบพี่กันเถอะ น่าสนุก"

      "เราก็ว่างั้นแหล่ะ งั้นสัญญานะ ว่าแกต้องไปกับฉัน"

      รุ้งพูดพลางอมยิ้มกับคำชวนของต้าร์พร้อมกับเต้นไม่ยอมหยุดกับเพลงรับน้องใหม่ ๆ ที่เพิ่งเคยได้ยินกัน

      วันรุ่งขึ้น ต้าร์ต้องออกเดินทางไปสักการะท่านท้าวสุรนารี พร้อมกับผองเพื่อนกลุ่มใหญ่ของต้า ซึ่งประกอบไปด้วย เอฟ พงษ์ เป้ ป้อม นุ แชมป์ หนึ่ง อาร์ท นะ ชัช บี พจน์ แล้วก็ ต้าร์ และยังรวมไปถึงเฟรชชี่ทั้งหมด นั่งรถเมล์ของมหาวิทยาลัยกว่า 20 คัน มุ่งหน้าไปใจกลางเมืองโคราช ซึ่งจะเป็นกิจกรรมที่สำคัญมากสำหรับน้องใหม่ที่นี่ เพราะต้องไปเคารพสักการะ ฝากเนื้อฝากตัวกับคุณย่าโม หญิงกล้าแห่งเมืองโคราชที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือมานาน และเป็นโชคดีของต้าร์ ที่มีพี่คนหนึ่ง เดินมาหาแล้วบอกว่า

      "น้องครับ ช่วยเป็นตัวแทนของน้องใหม่กล่าวขอบคุณหน่อยได้ไหม พี่มีสคริปท์ให้ ไม่ต้องกลัว"

      ด้วยความที่ต้าร์ทนลูกยุของเพื่อนในกลุ่มไม่ไหว ต้าร์จึงรับคำชวนจากรุ่นพี่

     "ก็ได้ครับ"

      "เย้!!"

      เพื่อนในกลุ่มร้องเฮขึ้นมา จนคนใกล้ ๆ หันมามองก่อนที่ต้าร์จะได้ออกไปกล่าว ก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ใจดีในโคราช มากล่าวให้คำอวยพรก่อน แล้วต้าร์จึงได้กล่าว ซึ่งในใจลึก ๆ ก็หวั่นไม่น้อย เพราะเป็นงานใหญ่ แต่ยังไงก็แล้วแต่ เมื่อก้าวมาแล้ว มีเหรอที่นายต้าร์จะยอมถอยง่าย ๆ และแล้วมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี ประสบความสำเร็จไปแล้วหนึ่งรายการที่มาแบบกะทันหัน หลังจากที่กล่าวเสร็จ บรรดาน้องใหม่ก็ขึ้นไปถวายดอกไม้ และ จุดธูปเทียน เพื่อขอพรจากคุณย่าโม เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองในช่วงที่ศึกษาอยู่ที่นี่

      พอเสร็จจากพิธีสักการะคุณย่าโม บรรดาเฟรชชี่ก็เดินทางกลับมหาวิทยาลัย เพื่อไปปลูกหญ้าแฝกที่สระสามแสน เพื่อเป็นการป้องกันการพังทลายหน้าดิน ต้าร์และบรรดาเพื่อนในกลุ่ม เลือกที่จะปลูกใกล้ ๆ กัน เพราะจะได้โตพร้อมกัน และอยู่ด้วยกันตลอดไป พอเสร็จจากกิจกรรมปลูกต้นไม้บรรดาทีมงานรับน้องก็ประกาศให้น้องใหม่ทราบว่า ตอนเย็นให้ไปรวมกันที่ห้องวิทยพัฒน์ (ห้อง 1500) เพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมงานพาแลง และให้ใส่ชุดพาแลงมาด้วยต้าร์ไม่เข้าใจว่างานพาแลงคืออะไร โชคดีที่ นะ เด็กหนุ่มข้างห้อง ที่มาจากมหาสารคาม ช่วยอธิบายให้ฟัง

     "มันเป๋นประเพณีทางอิสาน มีก๋านบายศรีล่ะก่ะมัดข้อมือนำ"

     นะอธิบายให้ต้าร์ฟังในเวอร์ชั่นอีสาน โชคดีที่เค้าฟังพอรู้เรื่องบ้าง และพอที่จะพูดได้บ้าง

      "อ่อ มันเป๋นจังซี่นี่เอง เข่าใจ๋แล้ว"

      ต้าร์ตอบแบบสำเนียงอีสานแปล่ง ๆ พร้อมกับหันไปหาผองเพื่อนแล้วตะโกนบอกไปว่า

      "งั้นเย็นนี้บ่ายสามครึ่งเจอกันหน้าหอ แต่งแบบเต็มยศนะเพื่อน"

      พอถึงเวลา ต้าร์และเพื่อน ๆ ก็ไปรวมกันหน้าหอ พร้อมชุดพาแลงสีเทา กางเกงสีเขียว ดูแล้วก็สวยไปอีกแบบ จากนั้นต้าร์กับเพื่อนก็พากันเดินไปที่หน้าหอ 7 ซึ่งเป็นหอพักที่มีรถเมล์ผ่าน ทั้งหมดขึ้นรถไปที่ห้อง 1500 ทันทีที่รถเมล์สีส้มแป๊ดมาถึง โดยไม่รีรอเพื่อน ๆ ต่างหอคนอื่น เพราะไปช้ามีหวังรถเมล์หมดแน่ๆ รถเมล์ของมหาวิทยาลัยที่นักศึกษาสามารถขึ้นได้ฟรีคันนี้ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็มาถึงอาคารเรียนรวม อาคารที่นักศึกษาที่นี่ต้องมาเรียนด้วยกันทุกคน และยังเป็นที่ตั้งของห้องประชุมอันโอ่โถง นั่นก็คือ ห้อง 1500 นั่นเอง ทีมงานรับน้อง ได้จัดตำแหน่งให้ผู้หญิงนั่งด้านซ้าย ผู้ชายนั่งด้านขวา ต้าร์และเพื่อน ๆ ไม่รอช้าที่จะเข้าห้องและรีบไปจองที่นั่งแถบกลาง ๆ เพราะจะได้เห็นบรรยากาศโดยรอบได้ถนัด

     รุ่นพี่กว่าร้อยชีวิตแต่งตัวด้วยชุดพาแลงของแต่ละรุ่นมาร่วมกิจกรรมนี้กันอย่างคับคั่ง หลากสีสัน บรรยากาศภายในห้อง 1500 ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะหลังจากกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ทำให้หลาย ๆ คนได้เพื่อนใหม่มากขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะพูดคุยกัน... พอถึงช่วงเวลากิจกรรม ก็มีการเล่นสันทนาการนิดหน่อย เพื่อเป็นการเรียกน้ำจิ้มก่อนเดินทางไปร่วมพิธีงานพาแลง ซึ่งจะต้องเดินทางอาคารเรียนรวมไปที่อาคารสุรพัฒน์ 2 ซึ่งเป็นอาคารใหญ่มาก มีไว้สำหรับจัดกิจกรรมหรืองานใหญ่ ๆ ที่ต้องจัดในที่ร่มของมหาวิทยาลัย เช่นพิธีไว้ครู พิธีพระราชทานปริญญาบัตร งานตลาดนัดหลักสูตรอุดมศึกษา เป็นต้น

      ก่อนที่เหล่าเฟรชชี่จะเดินทางไปร่วมพิธี ก็ได้มีการเลือก Buddy-Budder ซึ่งเป็นกิจกรรมสนุก ๆ เพื่อให้น้องใหม่ได้รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น โดยให้แต่ละคนเขียนชื่อตัวเองพร้อมที่อยู่ หรือเบอร์โทรที่สามารถติดต่อได้ใส่ในถังที่ทีมงานเตรียมไว้ แยกชายหญิง เสร็จแล้วให้แต่ละแถวจับชื่อของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมา แล้วต้องเทคแคร์เพื่อนใหม่ตามที่ตนจับได้ งานนี้เล่นเอาเฟรชชี่ฝ่ายชายคึกคักขึ้นมาทันที ส่งเสียง กิ๊ว ~ ก๊าว กันใหญ่ ต้าร์จับได้เพื่อนใหม่ชื่อ ตอง เป็นเด็กกรุงเทพฯ แน่นอนล่ะ ต้องตามหาเพื่อนใหม่ให้เจอ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร และสิ่งที่หนุ่มๆ เฟรชชี่ฝันก็คือ ได้สาว ๆ น่ารักมาเป็น Buddy งานนี้ก็ยังคงบอกไม่ได้ว่าแต่ละคนจะได้ใคร ก็คงต้องตามหากันต่อไป

     “เดี๋ยวเราจะให้น้อง ๆ เกี่ยวก้อยกันออกห้อง แล้วพากันไปให้ถึงหน้างานนะ”

      เสียงประกาศออกไมค์ดังขึ้นมา ในขณะที่น้อง ๆ กำลังตื่นเต้นกับกิจกรรมหาเพื่อน โดยทีมงานจะให้น้อง ๆ เดินออกห้องไปเป็นคู่ ๆ ตามแถวที่นั่งไป โดยต้องเกี่ยวก้อยกันไปให้ถึงงาน แล้วค่อยปล่อยมือได้ แน่นอนล่ะ คงไม่พ้นเสียงเฮของพวกผู้ชายอีกแน่นอน เพราะงานนี้ทำเอาหนุ่ม ๆ บางคนถึงกับยืนมองฟากผู้หญิง แล้วนับคนที่นั่งตรงกับตำแหน่งของตัวเอง บางคนเจอผู้หญิงไม่สวยก็ถามแลกกับเพื่อน แต่ไม่มีใครยอมลุกจากที่นั่งตัวเองเลย แต่ฝั่งผู้หญิงก็ไม่ยอมน้อยหน้า ลุกขึ้นดูเหมือนกัน ว่าฟากผู้ชายใครนั่งตรงกับตัวเอง เล่นเอาหลายคนขำกันใหญ่

     “น้อง ๆ คร้าบบบ นั่งลงก่อนนะครับ ไม่ต้องแย่งกันขนาดนั้นก็ได้ รับรองได้ทุกคนแน่นอน หึหึ”

      พิธีกรแอบแซวออกไมค์ในขณะน้อง ๆ เฟรชชี่กำลังโกลาหลกับการสลับที่นั่งแลกกับเพื่อน แต่หารู้ไม่ว่า มีที่นั่งบางที่ไม่มีคนนั่ง ถึงนับให้ตรงกับที่นั่งตัวเองยังไง ก็ไม่ได้เดินเกี่ยวก้อยกับอีกฝ่ายอยู่ดี เผลอ ๆ จะได้เกี่ยวก้อยกับคนที่พยายามหนีก็เป็นได้ ส่วนต้าร์ได้เดินจับมือกับสาวน้อยน่ารักคนหนึ่ง ชื่อว่าเปิ้ล แต่ไม่ได้สำภาษณ์อะไรมาก เพราะต่างคนต่างเกรงใจกัน พอไปถึงต่างก็แยกย้ายนั่งคนละที่ ป้อมได้ทีเลยแซวไปว่า

     “เป็นโชคดีของผู้หญิงคนนั้นนะเนี่ย ที่หนีนายพ้น ไม่งั้นคง......”

     “อะไร ไอ้อ้วน แซวจริง ๆ นะนายเนี่ย ก็เราเห็นเค้าเดินหนีไปเองอ่ะ เราก็เลยไม่ตาม” ต้าร์ตอบเลี่ยง

      ต้าร์เลือกนั่งกับเพื่อนในกลุ่ม เพราะจะได้อยู่ใกล้ ๆ กัน สำหรับพิธีก็ผ่านไปด้วยดี มีหมอพราหมณ์ มาทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ มีขบวนนางรำแห่มาที่บายศรีขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางพิธี ดูยิ่งใหญ่อลังการสมกับการต้อนรับน้องใหม่กว่าพันคนจริงๆ
พอเสร็จสิ้นพิธีกรรมแล้ว ก็เป็นการผูกข้อมือรับขวัญ โดยคณาจารย์และรุ่นพี่ที่มาร่วมงาน หลังจากนั้นก็ร่วมรับประทานอาหารค่ำเคล้าเสียงเพลงและการแสดงจากชมรมดนตรีและนาฏศิลป์ไทย เหล่าบรรดาเฟรชชี่บางคนถึงกับนิ่งอยู่กับพื้นไม่ได้ จนต้องออกลีลาร่ายรำตามจังหวะเสียงเพลงที่บรรเลง ทำเอาบรรยากาศภายในงานพลอยคึกคักไปด้วย
     ... ค่ำคืนนี้ ช่างเป็นคืนที่สนุกสนานจริง ๆ ต้าร์และเพื่อน ๆ ต่างก็ผูกข้อมือให้กันและกัน อีกทั้งยังให้คำมั่นสัญญาต่อกันว่าว่า จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม นี่แหล่ะหนาที่เค้าเรียกกันว่ามิตรภาพระหว่างคำว่า ‘เพื่อน’