บรรยากาศการเรียนการสอน
เริ่มเข้มข้นเข้ามาทุกขณะ เพราะเป็นช่วงปลายภาคการศึกษา
ซึ่งทุกคนต่างก็รีบขวนขวายขยันขันแข็งกันมากหน่อย โชคดีที่เทอมนี้ต้าร์ไม่ต้องไปเตรียมค่ายร่วมกับชมรมอนุรักษ์เหมือนเทอมที่ผ่านมา
เพราะในเทอมนี้ ต้าร์และเพื่อน ๆ ในกลุ่มต้องกลายไปเป็นน้องค่าย ซึ่งเป็นค่ายอบรมพี่เลี้ยง
สำหรับน้อง ๆ ปี 1 และ ปี 2 ที่สนใจเข้าร่วมสัมผัสบรรยากาศการทำงานของชมรม
ต้าร์และเพื่อน ๆ จึงชวนกันเข้าร่วมค่ายในครั้งนี้ด้วย
พี่ ๆ ช่วยกันเตรียมค่าย โดยนัดกันนอกสถานที่ หรือไม่ก็นัดกันที่ห้องชมรมดึกหน่อย
เพราะถ้าหากมีการเตรียมค่ายให้น้อง ๆ ได้เห็น อาจจะทำให้การทำค่ายในครั้งนี้ไม่ค่อยตื่นเต้นมากนัก
จึงต้องมีการนัดแนะเตรียมค่ายแบบลับ ๆ หน่อย ซึ่งปีนี้อุปสรรคที่ไม่เคยเจอมาก่อนก็เกิดขึ้นกับชมรมอนุรักษ์
ซึ่งก็คือปัญหาเรื่องขาดงบประมาณในการสนับสนุนการจัดทำโครงการ บรรดารุ่นพี่จึงได้ปรึกษากันว่าจะทำค่ายในครั้งนี้ต่อไปหรือไม่
จนท้ายที่สุด พี่หนอม ในฐานะประธานชมรมจึงได้ให้ความเห็นว่า ยังไงปีนี้ก็ต้องทำให้ได้
แม้ว่าจะไม่มีงบในการสนับสนุนก็ตาม จะต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อหาทางออกให้กับชมรม
เมื่อเพื่อน ๆ กรรมการชมรมและบรรดารุ่นพี่เห็นความตั้งใจของพี่หนอม
ทุกคนจึงร่วมกันสานฝันโครงการนี้ต่อไป
นัย ๆ ปิดเทอมนี้ไปค่ายหรือเปล่า
ต้าร์ถามรูมเมท
คิดว่าน่าจะไปนะ เพราะไม่ได้ติดธุระอะไร
นัยตอบ
อืม...ดีเลยว่ะ เพราะเราก็กะว่าจะไปด้วยเหมือนกัน
ต้ารพูด
เห็นบอกว่าต้องออกค่าใช้จ่ายเองด้วยส่วนหนึ่งอ่ะ
จริงหรือเปล่าอ่ะ นัยหันมาถาม
ใช่ แต่ถ้าใครไม่ไปก็ไม่เป็นไร
สำหรับเราแล้ว คงไม่มีปัญหาอ่ะ เห็นว่าปีนี้เค้าไม่มีงบประมาณ ก็เลยจำเป็นต้องให้ผู้ที่สนใจจะร่วมทำกิจกรรมจริง
ๆ สมัครเข้าร่วมอ่ะ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ก็ได้เสื้อค่ายเป็นที่ระลึกนะ
และพี่ ๆ เค้าก็ไม่ได้บังคับด้วย อาศัยความสมัครใจมากกว่า เพราะค่ายนี้มันจำเป็นจริง
ๆ ต้าร์อธิบาย
เราก็เห็นใจนะ ให้รุ่นพี่จ่ายเองหมดก็คงลำบากกันน่าดู
นัยเสริม
เราก็ว่างั้นแหล่ะ
ต้าร์เห็นด้วย
เอาล่ะ นอนเหอะ ดึกแล้วอ่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้า
นัยบอก
โอเค ๆ เดี๋ยวไปปิดไฟก่อน
ต้าร์พูดพลางลุกไปปิดไฟในห้อง เหลือเพียงไฟตรงหัวเตียง
เออ! ต้าร์ ช่วงวันหยุดนี้เราไม่อยู่นะ
ว่าจะกลับบ้านซัก 2-3 วัน นัยบอกต้าร
จริงเหรอ อืม!! ไปเที่ยวบ้านนายด้วยคนได้หรือเปล่าเนี่ย
ต้าร์ถามนัยเล่น ๆ
ได้สิ ไปไหมล่ะ นัยเอ่ยปากชวน
อืม
เดี๋ยวขอคิดก่อนละกันนะ
ก่อนไปจะให้คำตอบ อิอิ อยากไปเที่ยวอยู่เหมือนกัน ต้าร์พูด
ถ้าจะไปด้วยกันก็บอกนะ ยินดี เอาล่ะ
นอนได้แล้ว เดี๋ยวจะตื่นสายเอา นัยบอก
อืม..โอเค ต้าร์พยักหน้ารับ
พร้อมกับเอื้อมมือไปปิดไปตรงหัวเตียง
เช้าวันรุ่งขึ้น 2 หนุ่มก็ออกไปเรียนตามปกติ
ช่วงนี้ไม่มีรถของเอฟไว้คอยเทียวรับเทียวส่งเหมือนแต่ก่อน หลาย ๆ คนจึงหันมาใช้บริการรถร่วมบริการสายหอพักแทน
นั่นก็คือ รถเมล์ของมหาวิทยาลัยนั่นเอง แต่วันนี้โชคดีที่เปรมกลับบ้าน
แล้วฝากรถจักรยานยนต์ไว้กับต้าร์ ต้าร์จึงได้ขับรถของเปรมไปเรียนในช่วงเช้ากับนัย
พอกลับมาถึงหอพัก ต้าร์เห็นนัยซึ่งกลับมาก่อน กำลังทยอยเก็บกวาดห้องนอน
พร้อมกับเก็บของใช้รวมถึงเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋า เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
ต้าร์จึงเข้ามาพูดคุยด้วย
นัย ๆ วันหยุดนี้เราตัดสินใจได้ละ
เราว่าจะไปบ้านนายด้วยคนน่ะ
ได้ ๆ ไปนอนสัก
2 คืนนะ เดี๋ยวพาไปเที่ยวรอบเมืองมุกดาหารเอง นัยตอบ
ดีเลย แถบนี้เรายังไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย
คงเป็นครั้งแรกเลยล่ะ ต้าร์แอบดีใจที่จะได้ไปเที่ยว
อืม ๆ เดี๋ยวเราจะได้บอกกับที่บ้านว่าพานายไปเที่ยวด้วย
นัยบอก
หลังจากพูดจบ ต้าร์ก็เก็บกระเป๋าด้วย เพราะนัยบอกว่าจะขึ้นรถตอนเที่ยงคืนของวันนี้
เมื่อใกล้ถึงเวลา ต้าร์กับนัยก็ได้ขับรถจักรยานยนต์ของเปรมเข้าไปในตัวเมือง
เพื่อขึ้นรถที่สถานีขนส่งแห่งที่ 2 พอไปถึงนัยก็แยกตัวออกไปซื้อตั๋วรถ
ส่วนต้าร์ก็เอารถไปฝากไว้เพื่อความปลอดภัย เมื่อได้เวลารถออกทั้งสองก็รีบขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังจังหวัดมุกดาหารซึ่งเป็นบ้านเกิดของนัย
โดยทั้งสองได้นั่งแถวหลังสุด เพราะเป็นที่สุดท้ายที่เหลืออยู่ นับว่าโชคดีที่ไม่ได้ยืนไปตลอดการเดินทาง
สองหนุ่มจึงหลับไปตลอดทาง
รุ่งเช้า ต้าร์กับนัยก็มาสว่างกันที่สถานีขนส่งจังหวัดมุกดาหาร
นัยพาต้าร์นั่งรถไปต่อ เพื่อเดินทางไปยังบ้านของนัย ทั้งสองใช้เวลาเดินทางต่ออีกสักพักก็มาถึงยังบ้านของนัย
ซึ่งความรู้สึกแรกที่ต้าร์สัมผัส นั่นก็คือ บรรยากาศรอบ ๆ เหมือนอยู่บ้านของตัวเองเลยทีเดียว
แต่คงต่างกันที่สำเนียงภาษาที่ต้าร์กำลังจะได้ยินต่อไป ซึ่งได้มาสัมผัสกับถิ่นของชาวอีสานอย่างแท้จริง
ทำเอาต้าร์ตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว
สวัสดีครับแม่ ซำบ๋ายดี๋บ่ นัยทักแม่ของตน
สวัสดี แมซำบ๋ายดี๋อยู่ อั่นเจ้าล่ะ
เป๋นจังได๋ แม่ทักกลับ
เฮากะซำบ๋ายดี๋อยู่ กิ๋นเข่าแล่วบ่
นัยถามแม่
ยังดอก ก่ะท่าเจ้ากะหมู่น่ะแหล่ะ
แม่ตอบ
แม่ นี่หมู่เฮา ซือต้าร์ อยู่เชียงรายพู่น
อั่นอยู่นำกั๋นในหอ นัยแนะนำต้าร์ให้แม่รู้จัก
สวัสดีครับแม่ ต้าร์ทักทายแม่ของนัย
ไหว้พระเนาะลูก
แม่ท้กตอบ
อิพ่อล่ะแม่ ไปไส นัยถามหาพ่อของตน
อั่น ไป๋บ้านกำนันพู้น เดี๋ยวกะคงกลับมา
แม่ตอบ
อ่อ!
จังสั้นเฮากะหมู่ไป๋ล่างหน้าล่างต๋าก่อนเด้อแม่ นัยบอก
เอ่อ ๆ ไป๋
ๆ เอาของไปไว้ในห้องนั่นก่อน แม่ตอบพลางชี้มือไปยังห้องโถงในบ้าน
หลังจากที่สองหนุ่มเก็บสัมภาระเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว
พ่อของนัยก็กลับมาพอดี นัยจึงพาต้าร์ไปทำความรู้จักกับพ่อของตนเอง
และทานมื้อเช้าไปพร้อมกัน นัยมีหลานสาววัย 5 ขวบอยู่หนึ่งคน ชื่อ น้องแพรว
เธอมีนิสัยน่ารัก ชอบพูดชอบคุย ต้าร์เพลินกับการฟังน้องแพรวพูดเป็นอย่างมาก
เพราะสำเนียงอีสานของเด็กน้อย มันช่างทำให้เด็กหญิงตัวน้อย ๆ ดูน่ารักเป็นทวีคูณ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ
ต้าร์กับนัยก็พักผ่อนให้ร่างกายหายเมื่อยล้า ตกบ่ายนัยจึงได้พาต้าร์ขับรถเล่นบริเวณหมู่บ้านของตน
นัยกลับไปเยี่ยมญาติ ๆ เพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน และอาจารย์ที่โรงเรียนสมัยมัธยม
และได้พาต้าร์ไปดูแม่น้ำโขง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของนัยเพียงแค่ 5 กิโลเมตร
ต้าร์รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านของตนเอง เพราะบรรยากาศค่อนข้างคล้ายกับที่เชียงรายมาก
พอตะวันพลบค่ำสองหนุ่มจึงได้กลับบ้านเพื่อพักผ่อน เตรียมตัวสำหรับกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น
ในเช้าวันใหม่
นัยปลุกต้าร์แต่เช้า เพื่อไปทำบุญที่วัดใกล้บ้าน
ต้าร์ ๆ ลุกได้แล้ว ไปวัดกันเหอะ แม่จะพาไปทำบุญ นัยเรียกต้าร์
จริงอ่า.. บรรยากาศกำลังดีเลยนะเนี่ย ต้าร์พูดกับนัยพลางดึงผ้าห่มคลุมตัวเอง
เฮ้ย!! ตื่น ๆ ตื่นได้แล้ว ยังจะนอนต่ออีก นี่แน่ะ นัยปลุกซ้ำ
พร้อมกับดึงผ้าห่มออกจากเตียง
เย้ย..ย...!! หนาว...ว...ว เออ ๆ ตื่นแล้ว..ว...ว ต้าร์ยอมลุกจากที่นอนแต่โดยดี
หลังจากที่สองหนุ่มล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็ออกจากบ้านเพื่อไปทำบุญที่วัด
ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บ้านของนัยนี่เอง เมื่อไปถึง เจ้าอาวาสก็ทำพิธีทางศาสนา
และให้น้ำมนต์มกับสองหนุ่มกลับมา เอาไว้อาบอเพื่อให้เป็นศิริมงคลแก่ตัวเองอีกด้วย
ช่วงสายของวัน นัยอาสาเป็นมังคุดเทศน์ เอ๊ย มัคคุเทศน์ นำต้าร์ออกตะลอนทัวร์ชมเมืองมุกดาหาร
เริ่มตั้งแต่ภูผาเทิบ แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่ขึ้นชื่อของที่นี่
ซึ่งคำว่า ภูผาเทิบ มีความหมายถึงภูผาที่มีหินมาเทิบทับกันไว้ มีกลุ่มหินประกอบด้วยหินรูปร่างลักษณะต่าง
ๆ วางซ้อนกันอยู่อย่างวิจิตรพิศดารบนลานหินกว้างและยาวเป็นสวนหินเปรียบเสมือนประติมากรรมธรรมชาติ
หินบางก้อนมีรูปร่างคล้ายเครื่องบินไอพ่น รอบเท้าบู้ท เก๋งจีน มงกุฎและคล้ายสถูป
เป็นต้น บริเวณลานหินมีป่าเต็งรังที่มีลักษณะแคระแกรนสวยงาม และในฤดูฝนต่อฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยไม้ดอกงดงามนานาชนิด
ต่อจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังหอแก้วมุกดาหาร ถ้ามองดี ๆ ก็จะคล้ายกับรูปทรงของหอสุรนภาของมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว
ต่างกันก็แค่รูปลักษณ์ด้านบนแค่นั้น นัยกับต้าร์ขึ้นไปข้างบนหอแก้วฯ
เพื่อชมทัศนียภาพโดยรอบของตัวเมืองมุกดาหาร และทิวทัศน์ของฝั่งลาว
ที่อยู่ติดกับน้ำโขงนั่นเอง ในช่วงบ่าย นัยยังพาต้าร์ไปเดินเลือกซื้อของที่ตลาดอินโดจีน
ย่านชุมชนที่ขึ้นชื่อ อุดมไปด้วยของฝากนานาชนิดให้ได้ติดไม้ติดมือกลับไปพอสมควร
เมื่อสองหนุ่มกลับมาถึงบ้าน
ก็มาช่วยแม่ทำกับข้าวมื้อค่ำ ซึ่งวันนี้ก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
รวมทั้งน้องแพรวด้วย ที่มานั่งจ้ออยู่ข้าง ๆ ต้าร์ ซึ่งก็ช่วยสร้างให้บรรยากาศให้สนุกสนานได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
รุ่งเช้า
สองหนุ่มก็ได้เดินทางกลับโคราช โดยมีญาติของนัยออกมาส่งกันหลายคนเลยทีเดียว
ดูอบอุ่นไม่น้อย น้องแพรวก็ได้แต่ส่งเสียงทักทายอยู่ตลอดเวลา ต้าร์พยายามที่จะจำสำเนียงและฝึกพูดภาษาอีสานไปด้วย
คาดว่าเมื่อเรียนจบ คงสามารถพูดภาษาอีสานได้ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน เมื่อรถโดยสารมาจอดหน้าบ้าน
ต้าร์กับนัยก็ได้ร่ำลาพ่อแม่และญาติ ๆ ที่มาส่ง
ไปละเด้อ เอาไว้สิกลับมาใหม่ ต้าร์บอกกับน้องแพรว
จ้า มื้อหน้าค่อยกลับมาพ้อกันใหม่กะได้จ้า น้องแพรวตอบ
เฮากะหมู่ไปก่อนเด้อ สวัสดีครับ นัยลาพ่อแม่และญาติ ๆ ของตน
สวัสดีครับ ต้าร์ลาทุกคนเช่นเดียวกัน
การออกเดินทางในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ต้าร์ได้มาเที่ยวในแถบภาคอีสาน
ได้สำผัสบรรยากาศความเป็นอยู่อีกรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ทริปนี้ถือเป็นการพักผ่อนที่ประทับใจต้าร์ไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะไปต่างถิ่น
แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ไม่ต่างกับบ้านของตนเองเลย เพียงแค่สำเนียงภาษาเท่านั้นเอง
นี่ถ้าไม่ได้นัยเป็นรูมเมท ต้าร์ก็คงไม่ได้ตะลอนออนทัวร์ครั้งแรกแบบนี้กระมัง...เอ๊อะ!!!
|