ในภาคเรียนที่สองนี้
ค่อนข้างที่จะมีกิจกรรมให้นักศึกษาได้ทำกันมากหน่อย โดยเฉพาะบรรดารุ่นพี่ปี
2 ที่เพิ่งจะเข้าสังกัดสาขาวิชา ซึ่งเป็นชั้นปีหลัก ที่ต้องรับผิดชอบในการทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยที่อาศัยความร่วมมือจากสาขาวิชา
นอกจากงานประเพณีลอยกระทงแล้ว ยังมีกิจกรรมจัดซุ้มแสดงความยินดีกับพี่บัณฑิต
เนื่องในวันพระราชทานปริญญาบัตรอีกด้วย และวันเวลาของกิจกรรมดังกล่าวก็ใกล้เข้ามาแล้วเช่นกัน
บรรดาสาขาวิชาต่าง ๆ ต่างก็ช่วยกันระดมความคิด วางแผนเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำกิจกรรมดังกล่าวอย่างชุลมุน
เมื่อถึงวันพระราชทานปริญญาบัตร บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยก็เริ่มคึกคัก
พื้นที่บริเวณลานพลาซ่า เทคโนธานี เต็มไปด้วยซุ้มแสดงความยินดีของสาขาวิชาต่าง
ๆ รวมไปถึงสถาบันการบินพลเรือน ที่มาร่วมรับปริญญาบัตรด้วย
ไก่
ๆ มาถ่ายรูปให้บีหน่อยสิ ตรงนี้กำลังสวยเลย
บีเรียกต้าร์ให้มาถ่ายรูปกับสาขาวิชาต่าง
ๆ ที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม อวดโฉมให้กับผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้มากเลยทีเดียว
อ่ะ ยิ้มนะ
หนึ่ง....สอง....สาม.... แชะ!
ไปถ่ายรูปกันที่อื่นกันบ้างดีกว่านะ
เดี๋ยวซักพักคนเยอะ จะไม่ได้ถ่ายกันพอดี และอีกอย่างเ เดี๋ยวพวกเราต้องไปเตรียมตัวเพื่อส่งเสด็จ
แล้วก็ไปรวมตัวกับชมรม เพื่อร่วมกิจกรรมโยนพี่บัณฑิตลงน้ำอีก ไปเหอะ
ต้าร์ชวนเพื่อน ๆ ไปถ่ายรูปยังสถานที่ต่าง ๆ บริเวณลานพลาซ่า
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการในอาคารสุรพัฒน์
2 แล้ว บรรยากาศภายน้องเริ่มเปลี่ยนไป บรรดาฝูงชนชั้นปีที่ 2 เริ่มทยอยออกมาคอยต้อนรับบัณฑิตรุ่นพี่
ให้มายังซุ้มของสาขาวิชา เพื่อทำการบูมให้กับรุ่นพี่ มีทั้งบูมเดี่ยว
บูมกลุ่ม ก็ว่ากันไปตามสาขาวิชา เมื่อเสร็จสิ้นจากการบูม ก็จะมีหน้าม้าถือกล่องวิเศษของสาขาวิชามาให้กับรุ่นพี่
เพื่อให้รุ่นพี่ได้ร่วมสมทบทุนให้กับน้อง ๆ เพื่อทำกิจกรรมของสาขาวิชาต่อไป
และนอกจากนี้ รุ่นน้องก็ยังได้จัดเตรียมของที่ระทึก เอ๊ย ที่ระลึกไว้ให้กับพี่บัณฑิตอีกด้วย
เพื่อเป็นการขอบคุณและแสดงความยินดีกับพี่บัณฑิต
วี๊ดดดดดด!!!!-
- บูม!!
เสียงบูมจากสาขาวิชาต่าง
ๆ เริ่มดังขึ้น ดังขึ้น และดังขึ้น อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็สร้างความคึกคักให้กับกิจกรรมในครั้งนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
บรรยากาศแห่งความเปรมปรีย์แบบนี้
มีเพียงปีละครั้ง นอกจากจะเห็นบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยดูคึกคักไปด้วยผู้คนแล้ว
เรายังได้เห็นชุดครุย ซึ่งเป็นชุดของนักศึกษาชุดสุดท้ายที่ทุกคนใฝ่ฝันวาจะได้ใส่กันอย่างภาคภูมิใจ
ภาพของชุดคลุมเต็มตัวสีเทา
แถบสีแสดทองละลานตากว่าพันคน ทำเอาลานพลาซ่าที่ว่ากว้าง ดูแคบไปถนัดตา
ช่วงทำให้วันนี้เป็นวันที่หลาย ๆ คนเต็มไปด้วยรอยยิ้มน้อยใหญ่ ช่างสุขใจเสียนี่กระไร
เมื่อตะวันคล้อยบ่าย
ก็ได้เวลาที่ชาวอนุรักษ์จะได้มารวมตัวกันเพื่อส่งท้ายพี่บัณฑิต ซึ่งปีนี้มีรุ่นพี่ของชมรมที่สำเร็จการศึกษาหลายคน
ทางคณะกรรมการชมรมจึงได้จัดทำรูปวาดล้อเลียนของแต่ละคนในอิริยาบทต่าง
ๆ ให้เป็นของที่ระลึก ดูน่ารักมากเลยทีเดียว
บรรยากาศรอบสระน้ำพุดูคึกคักเป็นพิเศษ
มีทั้งรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว และรุ่นน้องที่กำลังเจริญรอยตาม มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง
เมื่อถ่ายรูปรวมเสร็จเรียบร้อย ก็เข้าสู่ประเพณีที่ทำกันมาทุกปีนั่นก็คือ
ร้องเพลงมาร์ชประจำชมรม และ จับพี่โยนลงน้ำ
เราต่างมาร่วมกัน
จุดไฟแห่งฝันของเรา
ต่างถิ่น ต่างพื้นลำเนา แต่เรามาร่วมอุดมการณ์.....
พี่หนอม
ในฐานะประธานชมรม เป็นผู้นำร้องเพลง และเหล่าบรรดาสมาชิกชมรมอนุรักษ์ฯ
ขานรับอย่างพร้อมเพรียงกัน ทำเอาบรรยากาศรอบ ๆ เหมือนมีมนต์สะกดอยู่
ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา ต่างหยุดนิ่งแล้วกันมามองด้วยความสนใจ
...เราชาวอนุรักษ์
เราชาวอนุรักษ์
เราชาวอนุรักษ์ ร่วมใจพิทักษ์ลำเนา..
เมื่อบทเพลงของชมรมอนุรักษ์ฯจบลง
ก็เข้าสู่นาทีระทึกใจ ทุกคนต่างพร้อมใจกันเปล่งเสียงส่งสัญญาณให้พี่บัณฑิตทราบ
โดยเฉพาะพี่บัณฑิตผู้ชาย
โดดน้ำ!
โดดน้ำ! โดดน้ำ!
บรรดารุ่นน้องที่ค่อนข้างสนิทกับพี่บัณฑิตต่างก็เดินตรงเข้าไปหาพี่
ๆ เพื่อทำการถอดชุดครุยและสูทเบลเซอร์ที่สวมใส่อยู่ออก เหลือเพียงแต่ชุดนักศึกษาอย่างเดียวสำหรับกระโดดลงสระน้ำพุ
เอ้า!
ทุกคนช่วยกันนับนะ พี่หนอมเตรียมส่งสัญญาณให้กับน้อง ๆ
หนึ่ง...
สอง.... สาม.... ทุกคนช่วยกันนับ
ซูม...ม..ม...ม....!!
เสียงน้ำในสระน้ำพุกระเซ็นเป็นวงกว้าง
เย้!!!
เสียงหัวเราะชอบใจ กึ่งสะใจเล็กน้อย ดังมาพร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราว
หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมของชมรมแล้ว
ต้าร์กับเพื่อน ๆ ก็ชวนกันกลับหอพัก เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปทานข้าวหน้ามอด้วยกัน
เมื่อหนุ่มสาวแก๊งส์หัวล้านทานมื้อค่ำเสร็จแล้ว
เอฟก็พาเพื่อน ๆ กลับหอ โดยแวะไปส่งสาว ๆ ก่อนแล้วค่อยกลับมาที่หอของหนุ่ม
ๆ เมื่อมาถึงหอพัก ก็แวะเล่นที่ห้องของเอฟกันสักพัก แล้วก็แยกย้ายไปพักผ่อนที่ห้องของตนเอง
'ติ๊ด
ๆ ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ'
เสียงนาฬิกาปลุกตัวจ้อยส่งเสียงปลุกเจ้าของของมันตื่น
ซึ่งรุ่งเช้าของวันนี้ ทุกคนตื่นไปเรียนตามปกติ ต้าร์อาสาเป็นโชว์เฟอร์ขับรถให้กับเอฟ
เพื่อพาทุกคนไปเรียนตอนแปดโมงเช้า เมื่อไปถึงทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปเรียนในวิชาต่าง
ๆ ที่ได้ลงทะเบียนเรียนเอาไว้
ในระหว่างพักประจำชั่วโมง
ต้าร์เจอบัดดี้ของตน จึงได้มีโอกาสทักทายกันสักพัก
หวัดดีจ้ะต้าร์
เรียนอะไรมาเหรอ บัดดี้สาวทัก
หวัดดีตอง
เราไปเรียนแคลมาน่ะ ตองล่ะ ต้าร์ทักตอบ
เราเรียนไบโอน่ะ
เออ! เพื่อนเราฝากมาถามว่า ทำไมกลุ่มเธอซี้กันจัง เค้าบอกว่าเธออ่ะ
เหมือนโนบิตะเลย เพื่อนเราเรียกเธอว่าโนบิได้ป่าว อิอิ ตองถาม
เหอะๆ
จริงเหรอ แล้วใครเป็นไจแอ้นท์ ซูเนโอะ กับชิสุกะล่ะทีนี้ ต้าร์ถามเล่น
ๆ
มิวบอกว่าป้อมอ่ะ
เหมือนไจแอ้นท์ นุเหมือนซูเนโอะ ส่วนคนอื่น ๆ ก็แบ่ง ๆ กันเป็น อิอิ
ตองตอบ
เหรอ
อิอิ จะเรียกเราว่าโนบิตะก็ได้นะ ไม่ว่ากัน น่ารักดี ต้าร์พูด
อือ!
เอาล่ะ เดี๋ยวเราไปเรียนก่อน เพื่อนเรียกแล้ว ไปนะโนบิ อิอิ
ตองลาต้าร์พลางหัวเราะ
จ้า!!
ต้าร์ขานรับ พลางแยกย้ายเพื่อเตรียมตัวไปเรียนในวิชาถัดไป
เมื่อการเรียนการสอนเสร็จสิ้นลง
ต้าร์กับเพื่อน ๆ ก็กลับหอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมาเล่นกีฬาผ่อนคลายกันในช่วงเย็น
หลังจากเล่นกีฬาเสร็จก็แยกย้ายกันกลับหอ เมื่ออาบน้ำทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
หนุ่ม ๆ ก็มารวมตัวกันที่ห้องของเอฟเช่นเคย
เฮ่ย
เพื่อน ๆ สัปดาห์หน้าเราจะลาออกแล้วนะ เอฟบอกเพื่อนในขนะที่มากันพร้อมหน้า
จริงเหรอเอฟ
ต้าร์หันมาถามด้วยความใจหาย
ใช่
เราปรึกษาแม่ดูแล้ว ว่าเราคงไม่เหมาะที่จะเรียนวิศวะอ่ะ เอฟบอกด้วยสีหน้าเศร้า
จริงเหรอเอฟ
... พวกเราคงคิดถึงนายมากเลยนะ อาร์ตบอก
เรากะว่าหลังจากวันเกิดเราสักสัปดาห์หนึ่ง
เราค่อยย้ายอ่ะ เราอยากอยู่กับพวกนายนาน ๆ เอฟบอก
เฮ่อ!
ต้าร์ถอนหายใจ
แต่ยังไงเราก็จะไม่ลืมพวกนายหรอกนะ
เราสัญญา เอฟพูดกับเพื่อน ๆ
บรรยากาศค่ำคืนนี้
แม้จะดูเหงาหงอย แต่ก็ยังเต็มเปี่ยวไปด้วยมิตรภาพที่ทุกคนต่างมีให้กัน
ถึงจะมีใครจในกลุ่มจะจากกันไปไหน แต่พวกเขาก็ยังคงจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป
หนึ่งวันก่อนถึงวันเกิดเอฟ
ต้าร์เข้ามานั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องของเอฟ โดยมีเอฟกับป้อมนอนอ่านหนังสือกันอยู่ที่เตียงของแต่ละคน
ต้าร์กะว่าจะทำเซอร์ไพรส์ด้วยการทำรูปภาพคำว่า สุขสันต์วันเกิดไว้เป็นแบ็คกราวน์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
พอเอฟเปิดเล่นคอม ก็จะประจวบเหมาะพอดีกับวันเกิดของเอฟพอดี ต้าร์นั่งทำแบบเงียบ
ๆ เพื่อไม่ให้เอฟรู้ตัวตื่นขึ้นมาเห็นสิ่งที่ต้าร์กำลังทำอยู่ จนเวลาใกล้เที่ยงคืน
ทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ ต้าร์จึงได้ปิดคอมแล้วกลับไปนอนที่ห้องของตนเอง
เพื่อรอดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันถัดไป
รุ่งขึ้น
ต้าร์ตื่นไปเรียนตามปกติ พอเลิกเรียนวิชาแรกเสร็จ ต้าร์ก็กลับหอพัก
เพื่อมาดูผลงานของตนเอง ต้าร์ได้แวะห้องของเอฟ ได้ยินเสียงเพลงจากคอมพิวเตอร์ดังอยู่ในห้อง
จึงทำให้ต้าร์มั่นใจว่าเอฟต้องเห็นผลงานของตนเองแล้วเป็นแน่แท้
ก๊อก!
ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
คร้าบ!!!
เสียงตอบรับดังมาจากในห้อง
สุขสันต์วันเกิดเพื่อนรัก
ต้าร์ทักทายเอฟด้วยประโยคแรก
อ้าว!
นายเองเหรอ นึกว่าใคร ขอบใจมากนะ ม่ะ! เข้ามาก่อนสิ เออ
เราเห็นภาพที่หน้าจอคอมแล้ว
ฝีมือนายแน่เลย ขอบใจมากนะ เอฟพูดพลางยิ้มให้กับต้าร์
วันเกิดเพื่อนทั้งทีนี่นา
ต้าร์บอก
เพิ่งไปเรียนมาเหรอเนี่ย
เอฟถาม
ใช่แล้ว
ไปเรียนฟิสิกส์มาน่ะ พอเรียนเสร็จก็รีบกลับหอเลย เพราะวันนี้เรามีเรียนวิชาเดียว
ต้าร์บอก
งั้นเย็นนี้ชวนเพื่อน
ๆ ไปหาอะไรกินกันหน้ามอดีกว่านะ เอฟพูด
ดี
ๆ ไปแต่กลุ่มพวกเรา คงสนุกดีเหมือนกัน ต้าร์เห็นด้วย
เมื่อบรรยากาศช่วงค่ำมาถึง
หนุ่มสาวแก๊งส์หัวล้านก็พากันไปทานข้าว แล้วต่อกันด้วยร้านนม เพื่อฉลองงวันเกิดให้กับเอฟ
และเหมือนเป็นการส่งท้ายไปในตัวอีกด้วย
สัปดาห์ต่อมา
ถึงวันที่เอฟได้ทำเรื่องลาออก ทุกคนต่างรู้สึกใจหายไม่น้อย เพราะสมาชิกในกลุ่มก็จะหายไปหนึ่งคน
และห้องที่เคยไปชุมนุมกันอยู่ประจำก็จะไม่มีอีกต่อไป
เมื่อถึงช่วงสายของวัน
เอฟก็ได้เก็บของใช้ส่วนตัวภายในห้องพัก เพื่อกลับบ้าน โดยมีรถกระบะเอ็นวีสีเขียวคู่ใจ
จอดรออยู่หน้าหอ เพื่อน ๆ ต่างก็มาช่วยกันขนของไปไว้ในรถ
ยังไงก็อย่าลืมพวกเรานะ
เอฟ ต้าร์บอกกับเอฟ
เอาน่า... เดี๋ยวเราก็กลับมาเยี่ยมพวกนายอีก
เอฟพูดพลางตบบ่าของต้าร์เบา ๆ
อืม
ต้าร์พยักหน้า
เมื่อทุกคนช่วยเอฟขนของเสร็จแล้ว ก็ช่วยกันตรวจดูกันอีกครั้งมีอะไรไว้ในห้องอีกหรือเปล่า
เพราถ้าเอฟไปแล้วห้องนี้ก็จะว่าง ไม่มีใครอยู่
เอาล่ะเพื่อน
ๆ เดี๋ยวเรากลับก่อนนะ ขอบคุณมาก ที่อยู่เป็นเพื่อนเราตลอดมา เราสัญญาว่าเราจะกลับมาเยี่ยมพวกนายนะ
ยังไงก็อย่าลืมกันก็แล้วกันะ เอฟสั่งลา
โชคดีว่ะเพื่อน
ป้อมพูด
ยังไงก็ส่งข่าวคราวมาบ้างนะ
เป้เสริม
เดินทางด้วยความปลอดภัยละกัน
ต้าร์ทิ้งท้าย
เอฟโผกอดเพื่อน
ๆ เพื่อเป็นการทิ้งท้ายก่อนขึ้นรถและจากเพื่อน ๆ ไป ทำให้ทุกคนดูเศร้าลงไปถนัดตา
เพราะจากนี้ต่อป ชีวิตนักศึกษาปีหนึ่งก็คงเหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง
ถึงแม้ว่าเอฟต้องจากเพื่อน
ๆ ไปอยู่ต่างถิ่น แต่สิ่งที่พวกเขายังต้องจารึกไว้นั่นก็คือ มิตรภาพ
การก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ทุกคนเชื่อว่า วันหนึ่ง พวกเขาจะต้องได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
เพราะทุกคนได้ให้สิ่ง ๆ หนึ่งต่อกันเอาไว้ นั่นก็คือคำว่า สัญญา
|