บรรยากาศยามเช้าท่ามกลางธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร
และอากาศที่เย็นจับใจ
ราวกับขึ้นไปอยู่บนยอดเขาสูง ทำให้ต้าร์และเพื่อน ๆ ต่างก็พากันมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและถุงนอนของตนเอง
เมื่อถึงเวลาที่ต้องตื่นนอน บรรดาพี่เลี้ยงและพี่ๆ ทีมงานสันทนาการก็ลุกไปปลุกให้น้อง
ๆ ตามเต็นท์ต่าง ๆ ให้ตื่นขึ้นมาออกกำลังกายตอนเช้ารับไออุ่นจากดวงอาทิตย์
ที่กำลังทอแสงระยับวับวาว อยู่บนใบไม้บริเวณลานกลางแจ้ง
เจ็ด...แปด....เก้า....สิบ..
เสียงน้อง ๆ ช่วยกันนับระหว่างที่ออกกำลังกายท่าต่าง ๆ
ฮ้าว...ว.....ว...ว..!!
อาการง่วงนอน ที่ยังสิงสถิตย์ในร่างของน้อง ๆ และพี่ ๆ ยังสามารถเห็นได้ประปราย
เอาล่ะครับ
เดี๋ยวเราจะแยกย้ายกันไปทำอาหารกันนะครับ ให้น้อง ๆ เตรียมอาหารมื้อกลางวัน
สำหรับห่อไปกินตอนเดินป่าด้วยนะครับ แล้วช่วงก่อน 08.00 น. เราค่อยมารวมกันอีกครั้ง
เพื่อเข้าสู่กิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติกันครับ พี่นพชี้แจงให้กับน้อง
ๆ
บรรยากาศของการทำอาหาร
ก็ยังคงคึกคักเช่นเคย แต่ละกลุ่มต้องทำอาหารเผื่อมื้อกลางวันด้วย เพราะว่าต้องห่อไปกินกันในป่า
ระหว่างเส้นทางการศึกษาธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำเป็นอาหารแห้ง เพื่อให้ง่ายต่อการพกพา
เมื่อน้อง
ๆ ทุกกลุ่ม รวมทั้งทีมงานรุ่นพี่ทานอาหารมื้อเช้ากับเรียบร้อยแล้ว
ต่างก็พากันไปรวมตัวกันบริเวณจุดรวมสำหรับทำกิจกรรม เพื่อเตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่กิจกรรมถัดไป
อ่ะน้อง
ๆ ครับ ให้น้อง ๆ เข้าแถวเป็นวงกลมตามบ้านเลยนะครับ พี่นพส่งสัญญาณรวมน้อง
ๆ ทุกคน
เดี๋ยวเราจะได้เข้าป่ากันแล้วนะครับ
แต่ก่อนที่น้อง ๆ จะได้สัมผัสบรรยากาศป่าเขาลำเนาไพร เราก็ต้องมีกฏกติกากันหน่อย
เดี๋ยวให้พี่ยงเป็นคนชี้แจงละกันนะครับ ว่าเวลาที่น้อง ๆ เข้าป่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรกันบ้าง
ขอเชิญพี่ยงคร้าบ..บ....บ..!!! พี่นพส่งต่อไปให้พี่ยง ที่อยู่ฝ่ายสวัสดิการเป็นผู้ดำเนินการต่อ
ขอบคุณมาครับพี่นพ
อ่ะ สวัสดีครับน้อง ๆ พี่ยงเริ่มทักทาย
สวัสดีครับ/ค่ะ
น้องตอบทักทาย
คงสบายดีกันเนาะ
เอาล่ะครับ เดี๋ยวพวกเราจะได้เดินป่ากันแล้ว แต่ก่อนที่น้อง ๆ จะเข้าไปในป่า
ขอให้น้อง ๆ ยึดหลักปฏิบัติ 4 ข้อดังต่อไปนี้นะครับ
ข้อแรก ห้ามส่งเสียงดัง รบกวนสัตว์ป่า
ข้อที่สอง ห้ามทิ้งเศษขยะทิ้งไว้ในป่า
ข้อที่สาม ห้ามนำอะไรออกมาจากป่านอกจากความทรงจำดี
ๆ
และข้อสุดท้าย ห้ามลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์
หรือสิ่งที่เรามองไม่เห็น
เพียงเท่านี้ น้อง ๆ ก็สามารถศึกษาธรรมชาติได้อย่างมีความสุข
และไม่เบียดเบียนความสมดุลของธรรมชาติด้วย ขอให้น้อง ๆ สนุกกับการเดินป่าในครั้งนี้นะครับ
ขอบคุณครับ
พี่ยงจบการอธิบายก่อนการเดินทาง
ขอเสียงปรบมือให้พี่ยงอีกครั้งหนึ่งครับ
พี่นพบอกกับน้อง ๆ
เอาล่ะครับ
บ้านไหนอยากไปก่อนบ้าง พี่นพหยั่งเชิงถามน้อง ๆ
โห....!!!
ไม่ต้องแย่งกันขนาดนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่จะทำการสุ่มละกันว่าบ้านไหนจะได้ไปก่อน
กลุ่มแรกที่จะได้ไปก่อนได้แก่...แทม แท แท แทม แทมแถ่ม แทม แทม แท้ม...บ้านอ้อยครับ
เย้!!
น้อง ๆ บ้านอ้อยร้องเฮเสียงดังลั่น
เดี๋ยวจะมีพี่เอ็ม
เป็นคนนำทางไปกับน้อง ๆ นะครับ
พี่นพเริ่มปล่อยให้น้อง
ๆ แต่ละกลุ่มเดินทางเข้าป่า เพื่อศึกษณาธรรมชาติกันตามลำดับ ในระหว่างที่รอเวลาปล่อยแต่ละกลุ่ม
พี่นพก็งัดสารพัดเกมส์มาเล่นกับน้อง ๆ ก่อนออกเดินทาง จนในที่สุด กลุ่มของต้าร์ก็เป็นกลุ่มสุดท้าย
ที่ออกเดินทางเข้าป่า ไปศึกษาธรรมชาติ โดยมีพี่ฤทธิ์ เป็นคนนำน้อง
ๆ เดินทางไปพร้อมกับพี่เลี้ยง
ต้าร์สังเกตการอธิบายของพี่ฤทธิ์กับพี่ทินระหว่างการเดินทาง
แล้วนึกถึงบทบาทของการเป็นคนนำทางศึกษาธรรมชาติและพี่เลี้ยงประจำกลุ่มของตน
ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะต้าร์เองถนัดการทำกิจกรรมสันทนาการมากกว่า
ต้าร์กับเพื่อน ๆ ได้ลิ้มลองความสุขในธรรมชาติที่น้อยคนนักจะได้สัมผัส
กับหลากหลายกิจกรรมภายในผืนป่าแห่งนี้ อาทิ เช่น กิจกรรมต้นไม้เพื่อนรัก
การฟังเสียงจากธรรมชาติ ฐานของหินทราย และอื่น ๆ อีกมากมาย จนเดินทางมาถึงยังจุดรวมใต้ต้นยางขนาดใหญ่
เพื่อเข้าสู่กิจกรรมสำคัญ นั่นก็คือ กิจกรรมกวางน้อย นั่นเอง
คนต่อไปเชิญเลยครับ
เสียงพี่นพแว่วมา
บอกให้น้องค่ายคนต่อไปเดินไปหารุ่นพี่ ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังต้นยางต้นนั้น
เพื่อเข้าสู่กิจกรรมกวางน้อย จนมาถึงคิวของต้าร์ เขาก็คงทำตามเพื่อน
ๆ นั่นก็คือเดินไปด้านหลังต้นยาง ซึ่งได้พบกับพี่ปอและพี่ฝน ซึ่งนั่งรออยู่ห่างจากต้นยางประมาณ
10 เมตร พี่ ๆ ทั้งสอง ได้พูดคุยกับต้าร์สักพัก แล้วก็เริ่มกิจกรรม
ด้วยการปิดตา ด้วยผ้าพันคอของต้าร์เอง จากนั้นก็มีคนมารับไปยังฐานที่เพื่อน
ๆ ผ่านไป
ต้าร์ลุกขึ้นนะครับ
แล้วจับมือพี่นะ แล้วค่อย ๆ เดินตามพี่มา
พี่โหน่งรับหน้าที่พาต้าร์เดินไปยังอีกจุดหนึ่ง
ซึ่งพื้นที่เดินไปนั้น ต่างก็มีระดับแตกต่างกันออกไป ก่อนจะหยุดเล่าเรื่องลูกกวางกับแม่กวางให้ฟัง
แล้วปล่อยให้ต้าร์จับเชือกที่ผูกติดไว้กับต้นไม้ แล้วไต่ไปตามเชือกนี้
จนถึงปลายเชือก เหมือนลูกกวางที่กำลังพลัดพรากจากแม่ของมัน หลงอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรเพียงลำพัง
โชคดีนะครับน้อง
เมื่อถึงปลายเชือกจะมีคนมารับ อย่าเพิ่งเปิดตานะครับ
พี่โหน่งบอกกับต้าร์
ก่อนจะปล่อยมือให้ต้าร์เดินไปด้วยตัวเอง
ต้าร์ไต่
มาตามความชันของภูเขา มีทั้งต้นไม้น้อยใหญ่ขวางทางเดินของต้าร์อยู่
แต่ต้าร์ก็ค่อย ๆ พาตัวเองไปจนมาถึงจุดจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นลำห้วย ต้าร์ชั่งใจอยู่นาน
ก่อนที่จะค่อย ๆ หย่อนขาลงไปในน้ำแล้วค่อย ๆ เดินไปตามก้อนหินที่พอจะสามารถเดินขึ้นไปตามความชันของภูเขาอีกครั้ง
แล้วก็เดินต่อไปจนถึงปลายเชือก ต้าร์หยุดพักครู่นึง ตามคำแนะนำของพี่
ๆ ที่บอกมา สักครู่ก็มีมือน้อย ๆ มาจับตรงข้อมือของต้าร์ แล้วพาต้าร์เดินออกห่างจากจุดนั้นสักระยะ
ซึ่งก็มีการพูดคุยอยู่ตลอดเวลา ต้าร์จำเสียงได้ว่า คนที่กำลังจูงแขนต้าร์อยู่นั้น
คือพี่กำไลนั่นเอง พี่กำไลถามถึงความรู้สึกต่าง ๆ ของต้าร์ที่เกิดขึ้น
ณ ขณะนั้น ถึงกับทำให้ต้าร์ต้องหลั่งน้ำตามาโดยไม่รู้สาเหตุ พี่กำไลจึงได้ปลอบและพูดคุยกับต้าร์จนหยุดร้องไห้
เอาล่ะนะ
เดี๋ยวพี่จะเปิดตาของน้องต้าร์ แล้วให้น้องเดินต่อไปตามทาง แต่ห้ามหันกลับมามองด้านหลังนะคะ
มองไปข้างหน้าตามทางของเราเอง ตอนนี้เราก็เหมือนลูกกวางที่โตขึ้น พร้อมที่จะเผชิญโลกใบนี้ด้วยตัวเอง
ขอให้น้องต้าร์โชคดีนะจ๊ะ
พี่กำไลอวยพรให้ต้าร์
พร้อมกับแกะผ้าพันคอที่ปิดตาต้าร์เอาไว้ และผูกคอต้าร์ไว้เหมือนเดิม
ก่อนปล่อยให้ต้าร์เดินทางต่อไป
ต้าร์เดินทางไปตามรอยเท้า
และสังเกตสัญลักษณ์ของเชือกตามที่พี่กำไลบอก จนมาถึงจุดสุนทรีย์ ซึ่งเป็นจุดผ่อนคลายสุดท้าย
ก่อนที่จะกลับไปยังจุดรวมของค่าย จุดสุนทรีย์นี้ ตั้งอยู่บนโขดหินขนาดใหญ่กลางป่า
สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ต่าง ๆ ของป่า ช่วยให้การผ่อนคลายเป็นไปได้ดีเลยทีเดียว
เมื่อกลุ่มของต้าร์มารวมกันที่จุดสุนทรีย์ครบแล้ว
ทั้งหมดจึงได้พากันกลับไปยังจุดรวมค่าย เพื่ออาบน้ำและทำกับข้าว ก่อนเข้าสู่กิจกรรมในช่วงกลางคืนต่อไป
หากว่าเรากำลังสบายจงปรบมือพลัน
พี่นพส่งเสียงร้อจากในมุมมืด เดินตรงมายังกลุ่มของน้อง ๆ
ป้าบ!
ป้าบ! น้อง ๆ ปรบมือรับกันราวกับนัดเอาไว้
ยินดีต้อนรับน้อง
ๆ สู่บรรยากาศของค่ายพี่เลี้ยง ยามพลบค่ำนะครับ
พี่นพเริ่มปรากฎตัว
พร้อมกับทักทายน้อง ๆ แต่ละกลุ่ม และถามความรู้สึกน้อง ๆ ในช่วงหนึ่งวันที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร
ซึ่งบรรยากาศในช่วงค่ำนั้น เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของน้อง ๆ ที่ดังมาจากการเล่นเกมส์ต่าง
ๆ ของบรรดาพวกรุ่นพี่ที่ทยอยขนออกมาเล่นกับน้อง ๆ สลับสับเปลี่ยน หมุนเวียนกันเข้ามา
ซึ่งก็สร้างความสุข ให้น้อง ๆ ได้มากเลยทีเดียว จนปิดท้ายด้วยพี่เอ็ม
ซึ่งก็ได้ออกมาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และชักนำอารมณ์ของน้อง
ๆ เข้าสู่กิจกรรมต่อไป นั่นก็คือพิธีเทียน ซึ่งต้าร์เองก็รู้ดีว่า
กิจกรรมนี้สำคัญและมีความหมายต่อการทำค่ายแต่ละครั้งมากเพียงใด จากที่ต้าร์เคยเป็นผู้ให้ความอบอุ่นตรงนั้น
ก็ได้ลองมาเปลี่ยนเป็นผู้รับความรู้สึกนั้นดู ต้าร์จึงตั้งใจทำกิจกรรมนี้ให้ดีที่สุด
เพราะต้าร์คงไม่มีโอกาสที่จะได้เป็นน้องค่ายแบบนี้อีก
แต่ละขั้นตอนผ่านไปด้วยความประทับใจ
อบอวลไปด้วยมิตรภาพและความผูกพันที่ที่ ๆ ต่างก็มีให้กับน้อง ๆ ถึงแม้จะมีเพียงเส้นด้ายสีขาวที่ผูกอยู่ที่ข้อมือเพียงเส้นเล็ก
ๆ แต่ด้านเส้นนั้นแหล่ะ ที่บ่งบอกถึงมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของผู้ที่สืบทอดจิตสำนึกแห่งการอนุรักษ์
รุ่งเช้า
ทุกคนตื่นมาด้วยความเบิกบานใจ ยิ้มทักทายกันอย่างมีความสุข มีการหยอกล้อกันระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง
หลังจากออกกำลังกายเสร็จ พี่นพให้น้อง ๆ เริ่มทำอาหารอีก 2 มื้อ เผื่อช่วงกลางวันเอาไว้
ก่อนเดินทางกลับ พอถึงช่วงสาย แต่ละกลุ่มก็เริ่มทำกิจกรรมฐานต่อ โดยเวียนเข้าฐานของพี่
ๆ แต่ละฝ่าย เพื่อเรียนรู้การทำงานของทีมงาน ว่ามีการทำงานเบื้องหน้าและเบื้องหลังอย่างไรบ้าง
ซึ่งต้าร์สนใจฝ่ายสันทนาการเป็นพิเศษ เพราะว่าเป็นฝ่ายที่ตนเคยทำมาแล้ว
แต่ก็ยังอยากรู้เทคนิคต่าง ๆ เพิ่มเติมให้กับตัวเองอีก
เมื่อแต่ละกลุ่มเวียนเข้าฐานกันครบแล้ว
พี่นพก็ให้แต่ละกลุ่มแยกย้ายกันทำความสะอาดรอบ ๆ ค่าย และเก็บอุปกรณ์ต่าง
ๆ ส่งคืนให้กับพี่ ๆ ฝ่ายสวัสดิการ เพื่อเตรียมตัวทำพิธีปิดค่าย เมื่อน้อง
ๆ เก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งรออยู่ตรงบริเวณจุดรวม
บ้านไหนมาครบแล้ว
นั่งรอเพื่อน ๆ ก่อนนะครับ พี่นพบอกกับน้อง ๆ
เมื่อน้อง
ๆ เก็บของส่งหมดแล้ว รุ่นพี่ก็ทยอยมารวมกับน้อง ๆ ด้วย เพื่อทำพิธีปิดค่ายพร้อมกัน
เมื่อได้เวลา พี่นพก็เริ่มดำเนินการตามกำหนดการที่ได้เตรียมไว้ ด้วยการพูดคุยกับน้อง
ๆ ก่อนเข้าช่วงกิจกรรมรำพึง
ลา..ลันลาลันลา
ลันลาลันลา ลันลาลันลา
น้องกีครับ น้องกีครับ ฉันใฝ่ฝันและคิดถึงเธอ
เธอเป็นดวงใจ ของฉันเสมอ น้องกีครับ รำพึงไว้ว่า....
สิ้นเสียงเพลงจากรุ่นพี่
ก็จะเป็นการรำพึง หรือ บอกกล่าวความรู้สึก จากคนที่ถูกขานชื่อ
อยากให้ธรรมชาติอยู่คู่กับเราแบบนี้ไปนาน
ๆ ค่ำ กี หนึ่งในน้องค่ายกล่าวขึ้นมา
เอ้า!...ลา...ลันลาลันลา..........
บรรดารุ่นพี่บรรเลงเพลงรำพึงต่อ
จนมาถึงคนสุดท้าย พอเพลงจบลง ทุกคนก็อยู่ในความสงบ บรรยากาศของค่าย
ก็เงียบสงัดขึ้นมาทันที ได้ยินเพียงเสียงลมผ่านแผ่วมาเบา ๆ นกน้อยร่ำร้องตามประสาของมัน
พี่จักรเริ่มการพูดเปิดใจเป็นคนแรก ได้พูดถึงอุปสรรคที่เกิดขึ้นก่อนจะเกิดค่าย
ซึ่งหลาย ๆ คนรู้ดีว่า ค่ายนี้เกิดขึ้นมาด้วยใจจริง ๆ เพราะไม่มีงบประมาณมาสนับสนุนเหมือนทุก
ๆ ค่ายที่ผ่านมา ค่ายนี้เกิดจากพลังศรัทธาที่ได้รับการสนับสนุนจากชาวค่ายทุกคน
ที่เต็มใจสร้างค่ายนี้ให้เกิดขึ้น เพื่อทดสอบกำลังใจอย่างแท้จริง
การเปิดใจพูดของแต่ละคน
เต็มไปด้วยน้ำตา แต่เป็นน้ำตาแห่งความทุ่มเท น้ำตาของการเห็นใจซึ่งกันและกัน
สร้างความประทับใจให้กับต้าร์เป็นอย่างยิ่ง จนมาถึงคิวของต้าร์ที่จะต้องเป็นคนพูดบ้าง
ค่ายนี้ ผมตั้งใจที่จะมาช่วยทำตั้งแต่แรกแล้ว
ยิ่งเห็นพี่ ๆ ช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ จนมาถึงนาทีนี้ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากขึ้นไปอีก
ความงดงามของมิตรภาพมันบานสะพรั่งจนล้นออกมา อยากบอกทุก ๆ คนว่า คุณได้มาเจอค่ายที่ดีที่สุดของคุณแล้วนะครับ
ขอบคุณครับ
การเปิดใจได้ดำเนินมาถึงพี่หนอม
ซึ่งเป็นคนสุดท้าย พี่หนอมได้กล่าวขอบคุณทุกคน ที่ช่วยกันทำให้ค่ายนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี
ถึงแม้จะไม่มีงบประมาณมาสนับสนุน แต่ทุกคนก็ทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ค่ายนี้เกิดขึ้นมาได้
ความผูกพันของเพื่อน
พี่ น้อง มันเกิดขึ้นได้ทุกเวลา แต่สิ่งที่เรายังคงประทับใจอยู่มิเสื่อมคลาย
นั่นก็คือ การยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อฟันฝ่าอุปสรรคต่าง
ๆ ทั้งเล็กและใหญ่ โดยที่ไม่รู้ว่า ข้างหน้าจะเป็นเช่นไร แต่สุดท้าย
สิ่งที่พวกเขาได้พบเจอไปพร้อม ๆ กันนั่นก็คือ ความสำเร็จ นั่นเอง
|